หากคุณคิดว่าแมวเป็นเพียงสัตว์เลี้ยงธรรมดาที่แทบไม่ได้สร้างประโยชน์ใด ๆ ให้กับเจ้าของเหมือนสุนัขแล้วละก็ อาจจะต้องกลับไปทบทวนมุมมองกันใหม่อีกครั้งเสียแล้ว เพราะในวันนี้กระปุกดอทคอมมีข้อมูลจาก Distractify มาทำให้ทุกคนมองเห็นประโยชน์ของการเลี้ยงแมวในมุมมองที่แตกต่างออกไป และประโยชน์ที่ว่านี้ก็มากกว่าคอยเป็นยามเฝ้าบ้าน เพื่อนแก้เหงา และบางเรื่องก็อยู่เหนือสิ่งที่ทุกคนจะคาดคิดถึงด้วย

แมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่ช่วยให้คนสามารถผ่านพ้นช่วงเวลายาก ๆ ของชีวิตไปได้ อย่างเช่น หลังการสูญเสียคนรัก โดยการพูดคุยปัญหากับแมว เพราะแมวจะไม่ซ้ำเติมความผิดพลาด หรือตัดสินคุณเหมือนการบอกกล่าวกับคน แต่แมวจะรับฟังทุกคำพูดอย่างตั้งใจ ดังนั้นแมวจึงเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการบำบัด ที่จะทำให้ความเจ็บปวดภายในให้หายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์

มหาวิทยาลัยคาโรล ในรัฐวิสคอนซิน เผยว่า หลังการทดสอบไหวพริบระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขพบว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีไหวพริบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนักจิตวิทยาเชื่อว่า ผลลัพธ์ดังกล่าวน่าจะสืบเนื่องมาจาก ผู้ที่เลี้ยงแมวให้ความสนใจเรื่องรอบข้างมากกว่า เหมือนนิสัยของแมวนั่นเอง

ย้อนกลับไปเมื่อ 525 ปีก่อนคริสตกาล ก่อนการสู้รบที่เมืองเพลูเซียม ซึ่งเป็นเมืองสำคัญของอียิปต์ในสมัยนั้น กษัตริย์แคมไบซิสที่ 2 หรือกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย ได้สั่งให้วาดรูปแมวลงบนโล่ของเหล่าทหาร พร้อมกับให้ทหารแห่แมวนำหน้าทัพ ซึ่งเมื่อชาวอียิปต์ที่ยกย่องแมวเหนือสิ่งอื่นใดได้เห็นดังนั้น ก็ไม่กล้าสู้รบปรบมือด้วย เพราะกลัวจะทำให้เทพพิโรธ สุดท้ายจำต้องยอมถอยทัพ และเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปในที่สุด

จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยมินิโซตาพบว่า การเลี้ยงแมวทำให้ระดับความเครียดน้อยลง เช่นเดียวกับการลดโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวายที่สูงถึง 40 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

ส่วนความคิดที่ว่าสุนัขเป็นเพื่อนกับคนได้ดีกว่าแมวก็ไม่เป็นความจริง โดยเฉพาะกับผู้หญิง เพราะศึกษาในสวิตเซอร์แลนด์พบว่า แมวสามารถเข้ากับคนในครอบครัวเดียวกันได้อย่างยอดเยี่ยม แต่แมวจะทำเช่นนั้นกับคนที่แสดงความเมตตา รักใคร่ และเอ็นดูกับพวกมันก่อน

การศึกษาจากในซานฟรานซิสโกระบุว่า บุคลิกลักษณะระหว่างผู้ที่เลี้ยงแมวกับสุนัขมีความแตกต่างกันมากทีเดียว ซึ่งความแตกต่างก็เกิดขึ้นจากสัตว์เลี้ยงของพวกเขานั่นเอง โดยพบว่าผู้ที่เลี้ยงแมวเป็นคนที่เปิดเผย อ่อนไหว และมีความคิดนอกกรอบมากกว่าผู้ที่เลี้ยงสุนัข ซึ่งนิสัยของแมวก็มีส่วน

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากแหล่งข่าวอีกว่า การดูแลและให้อาหารสุนัขสามารถปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ คาร์บอน ฟุตพริ้นท์ (Carbon Footprint) เทียบเท่ากับได้กับรถยนต์ ในขณะที่แมวซึ่งเป็นสัตว์ที่กินน้อย และอาหารที่แมวกินส่วนใหญ่ก็ยังเป็นปลามากกว่าเนื้อสัตว์ ดังนั้นจึงทำให้มีระดับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่า โดยมีขนาดเทียบเท่ากับลูกกอล์ฟเท่านั้นเอง

จากการศึกษาพบว่า 81 เปอร์เซ็นต์ของเด็กที่อาศัยอยู่กับแมว มักจะระบายความรู้สึกกับแมวมากกว่าเพื่อนหรือพ่อแม่ ในขณะที่เด็กอีกกว่า 87 เปอร์เซ็นต์เห็นแมวเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของตัวเอง

เด็กที่อาศัยร่วมบ้านหลังเดียวกับแมวมีสถิติในการหยุดเรียนน้อยกว่าเด็กทั่วไป โดยมีค่าเฉลี่ยการหยุดเรียนอยู่ที่ประมาณ 9 วันต่อปีเท่านั้น ส่วนสาเหตุก็เป็นเพราะว่า ผู้ที่เลี้ยงแมวมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงกว่านั่นเอง พร้อมกันนี้ยังพบว่าเด็กกลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการเป็นโรคหูอักเสบน้อยลงด้วย

นักวิทยาศาสตร์ชาวแคนาดาเชื่อว่า การเลี้ยงแมวสามารถช่วยให้สารเคมีที่เรียกว่า ไตรกลีเซอไลน์ ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ระดับคอเลสเตอรอลสูง ในร่างกายของผู้เลี้ยงแมวลดลงได้

โรเจอร์ มัคฟอร์ด นักจิตวิทยาสัตว์เชื่อว่า แมวสามารถช่วยเหลือผู้ป่วยได้ดีไม่แพ้สุนัข หลังจากที่ในปี ค.ศ. 2012 แมวพุดดิ้งได้ช่วยชีวิตเอมี่ ผู้ที่รับเลี้ยงมันมาดูแลเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม โดยในคืนที่เธอชัก เจ้าพุดดิ้งก็ใช้จมูกดันจนกระทั่งเธอรู้สึกตัว ก่อนจะวิ่งไปปลุกลูกชายของเธอ เพื่อให้เขาโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล

และเนื่องจากการรักแมวเป็นความรักที่ไม่มีเงื่อนไข และความรักนี้เองที่ทำให้นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า แมวสามารถช่วยลดความรู้สึกหดหู่ ความรู้สึกกังวล หรือความรู้สึกกดดันได้

หลังจากการศึกษาของมหาวิทยาลัยแห่งควีนส์แลนด์พบว่า เด็กออทิสติกที่อยู่กับแมวมีแนวโน้มที่จะพูดคุย สบตา และยิ้มมากกว่าเด็กออทิสติกทั่วไป นั่นเป็นเพราะว่าความอ่อนโยนของแมวสามารถเข้ากับเด็ก ๆ เหล่านี้ได้ดีนั่นเอง

การเลี้ยงดูแมวยังช่วยกระตุ้นการผลิตสารออกซิโทซิน หรือฮอร์โมนแห่งความรัก ก็เลยเป็นเหตุให้ทุกครั้งที่ผู้ที่เลี้ยงแมวดูแลพวกมัน กลายเป็นการสร้างความสุขให้กับตัวเองไปด้วย
ที่มาhttps://pet.kapook.com
No comments:
Post a Comment